คลัีงเก็บรายวัน: 5 กันยายน 2024

จีนขู่! จะตอบโต้ญี่ปุ่นอย่างสาสม หากยังคงจำกัดการส่งออก-ผลิตชิปให้จีน

จีนได้ขู่จะตอบโต้ทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงหากญี่ปุ่นดำเนินการจำกัดการขายและการบริการอุปกรณ์ผลิตชิปให้กับบริษัทจีน เนื่องจากเป็นความพยายามของสหรัฐในการจำกัดความก้าวหน้าในการผลิตชิปของจีน

จีนได้ย้ำถึงท่าทีนี้ในการประชุมกับญี่ปุ่นในช่วงหลัง ๆ ตามแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง การควบคุมใหม่ที่เกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ทำให้ Toyota Motor กังวลว่าจีนอาจตอบโต้ด้วยการตัดญี่ปุ่นจากการเข้าถึงแร่ธาตุหายากสำหรับการผลิตรถยนต์

Toyota เป็นหนึ่งในบริษัทที่สำคัญของญี่ปุ่นและมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับนโยบายชิปของประเทศ รวมถึงการลงทุนในโครงการชิปใหม่ที่ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company กำลังสร้างใน Kumamoto ซึ่งทำให้ข้อกังวลของ Toyota เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับญี่ปุ่น นอกจากนี้ Tokyo Electron ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ยังเป็นที่จับตามองจากมาตรการควบคุมการส่งออกครั้งใหม่

สหรัฐฯ กดดันให้ญี่ปุ่นควบคุมการขายเครื่องมือผลิตชิปขั้นสูงให้กับจีนเพิ่มเติม เพื่อจำกัดความก้าวหน้าของจีนในด้านเซมิคอนดักเตอร์ ขณะเดียวกันสหรัฐฯ กำลังทำงานร่วมกับญี่ปุ่นเพื่อหากลยุทธ์ในการรับประกันแหล่งแร่ธาตุสำคัญ หลังจากที่จีนได้ควบคุมการส่งออกของแกลเลียม, เจอร์เมเนียม และกราไฟต์เมื่อปีที่แล้ว

ในปี 2010 จีนเคยหยุดการส่งออกแร่ธาตุหายากไปยังญี่ปุ่นชั่วคราวหลังจากเหตุการณ์ในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งทำให้ภาคอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่นสั่นสะเทือนและปัญหาลุกลามไปถึงการจัดหาแม่เหล็กกำลังสูงที่ผลิตในญี่ปุ่น

รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนมีความมั่นใจว่าจะสามารถคลี่คลายข้อกังวลของโตเกียวและบรรลุข้อตกลงกับญี่ปุ่นได้ภายในสิ้นปีนี้ แต่มีทางเลือกที่รุนแรงกว่านั้น โดยสหรัฐฯ ใช้อำนาจตามกฎ FDPR ซึ่งช่วยให้ควบคุมการขายผลิตภัณฑ์ที่ผลิตทั่วโลก

สหรัฐฯ ยังไม่เคยใช้กฎนี้กับญี่ปุ่นและพันธมิตรหลักอื่น ๆ ซึ่งมองว่ามาตรการนี้เป็นขั้นตอนที่รุนแรง รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวว่า พวกเขาต้องการหาทางออกในการเจรจา แต่ก็ยังไม่มองข้ามการใช้กฎ FDPR

การเจรจาอาจมีความยุ่งยากเนื่องจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนและการวางแผนลาออกของนายกรัฐมนตรีฟุมิโอ คิชิดะในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม การลาออกของคิชิดะไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการเจรจาเพราะโตเกียวได้สร้างฉันทามติในนโยบายนี้ไว้แล้ว

กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นและ Tokyo Electron ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในขณะนี้ ขณะที่ Toyota กล่าวว่า กำลังพิจารณากลยุทธ์การจัดหาที่ดีที่สุดเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ซึ่งรับผิดชอบเรื่องการควบคุมการส่งออก ไม่ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้

กระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวในแถลงการณ์ว่า พวกเขาต่อต้านความพยายามของประเทศใดประเทศหนึ่งในการทำให้การค้าปกติกลายเป็นการเมืองและล่อให้ประเทศอื่นเข้าร่วมการปิดกั้นเทคโนโลยีกับจีน

สหรัฐฯ ได้เปิดเผยการควบคุมการส่งออกชิปอย่างครอบคลุมในเดือนตุลาคม 2022 โดยเน้นทั้งอุปกรณ์และโปรเซสเซอร์ขั้นสูง จนต่อมาญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์ได้ออกมาตรการตามมาด้วยแต่ไม่ได้เข้มงวดมากนัก ต่อจากนั้น สหรัฐฯ กำลังมองหามาตรการควบคุมใหม่ ๆ รวมถึงมาตรการที่มุ่งเป้าไปที่บริษัทจีนโดยเฉพาะ ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นก็กำลังพยายามระมัดระวังในการเดินตามนโยบายของสหรัฐฯ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ

Instagram ทดสอบฟีเจอร์ใหม่ โชว์เพลงจาก Spotify ที่กำลังฟังอยู่ แบบเรียลไทม์

Instagram กำลังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้แชร์เพลงที่กำลังฟังอยู่ได้ง่ายขึ้น โดยล่าสุดได้เริ่มทดสอบการเชื่อมต่อกับ Spotify ฟีเจอร์นี้จะให้ผู้ใช้สามารถแสดงเพลงที่ฟังอยู่ผ่านฟีเจอร์ Notes ของ Instagram

ผู้ใช้จะสามารถแชร์เพลงที่กำลังฟังอยู่กับเพื่อน ๆ ได้แบบเรียลไทม์ โดยข้อมูลเพลงจะแสดงในฟีเจอร์ Notes ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์รสนิยมทางดนตรีของตัวเองได้อย่างสะดวก

หากไม่ต้องการให้ผู้อื่นเห็นเพลงที่ฟังอยู่ ผู้ใช้สามารถเลือกเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้ได้ตามความต้องการ การแชร์เพลงที่ฟังอยู่จะทำให้ผู้ใช้เชื่อมต่อและสนทนากับเพื่อน ๆ เกี่ยวกับเพลงที่พวกเขาชื่นชอบได้ง่ายขึ้น

ฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของ Instagram ที่มุ่งเน้นด้านดนตรี ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น สติกเกอร์ “Add Yours Music,” การใช้เพลงใน Notes, การแสดงเนื้อเพลงใน Reels และการแสดงเพลงในโปรไฟล์

แม้ฟีเจอร์นี้อาจจะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ก็เพิ่มความน่าสนใจให้กับ Instagram ที่กำลังมุ่งหวังที่จะดึงดูดผู้ใช้ที่ชื่นชอบดนตรีและสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นในด้านนี้

ที่มา socialmediatoday.com

บัตรกดเงินสด ใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องการเงินสดอย่างเร่งด่วน บัตรกดเงินสดอาจเป็นตัวเลือกที่จำเป็น เพราะมันสามารถช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินในยามฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว แต่การใช้บัตรกดเงินสดให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้น จำเป็นต้องเข้าใจทั้งข้อดี ข้อควรระวัง และวิธีการใช้งานอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดหนี้สินที่ไม่จำเป็น

บัตรกดเงินสดเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลประเภทหนึ่งที่ให้วงเงินสำรองเพื่อการเบิกถอนเงินสดได้ตามต้องการ โดยคุณสามารถสมัครผ่านช่องทางออนไลน์และได้รับบัตรที่ใช้ได้ทันทีหลังจากการอนุมัติ ไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์หรือผู้ค้ำประกัน ซึ่งทำให้เป็นตัวช่วยที่สะดวกและรวดเร็วในการจัดการเงินสดในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ข้อดีของบัตรกดเงินสด

– สามารถสมัครผ่านออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ใช้เวลาไม่นาน

– ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีหรือติดตามสถานะบัตร

– อัตราดอกเบี้ยเป็นแบบลดต้นลดดอกและคิดดอกเบี้ยตามวันใช้งานจริง

– สามารถกดเงินสดจากตู้ ATM ทั่วประเทศตลอด 24 ชม. หรือโอนเงินผ่านแอปพลิเคชัน

– หากไม่เบิกถอนเงินสดก็จะไม่มีภาระหนี้

ข้อควรระวังในการใช้บัตรกดเงินสด

– มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดประมาณ 25% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

– การเบิกถอนเงินจะมีการคิดดอกเบี้ยทันที ตั้งแต่วันแรกที่ทำการเบิกถอน

– ควรมีการวางแผนการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยให้ตรงตามกำหนดเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับ

วิธีการใช้บัตรกดเงินสดให้เกิดประโยชน์สูงสุด

1. เบิกถอนเงินเท่าที่จำเป็น

ใช้บัตรกดเงินสดเพื่อความจำเป็นจริง ๆ และเบิกถอนเฉพาะจำนวนที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อลดภาระดอกเบี้ยและหนี้สิน

2. จ่ายเงินคืนตรงเวลา

การจ่ายหนี้ตรงเวลาจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงค่าปรับและดอกเบี้ยเพิ่ม นอกจากนี้ยังสร้างประวัติการชำระที่ดีซึ่งช่วยในอนาคต

3. ตรวจสอบใบแจ้งหนี้อย่างละเอียด

อ่านเอกสารใบแจ้งหนี้ทุกครั้งเพื่อเข้าใจวันที่สรุปยอด วันครบกำหนดชำระ และการผ่อนชำระสินค้า

4. กำหนดวงเงินการใช้จ่าย

วางแผนการใช้จ่ายและกำหนดวงเงินให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระคืน และควรเก็บเงินสำรองไว้ประมาณ 50% ของวงเงิน

5. รู้จักสิทธิประโยชน์

ใช้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การผ่อนชำระ 0% กับร้านค้าที่ร่วมรายการ และบริการอื่น ๆ ที่อาจมีให้

ใครควรใช้บัตรกดเงินสด?

1. พนักงานออฟฟิศหรือบุคคลทั่วไป ที่ต้องการความช่วยเหลือในการเสริมสภาพคล่องทางการเงิน

2. ผู้ที่ต้องการเงินสดเร่งด่วน เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมบ้าน หรือรถยนต์

3. ผู้ที่มีค่าใช้จ่ายอเนกประสงค์ เช่น ค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าที่พัก

การใช้บัตรกดเงินสดสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการจัดการเงินสดในยามที่มีความต้องการเร่งด่วน แต่การใช้มันอย่างมีสติและการวางแผนที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถใช้มันได้อย่างคุ้มค่าและป้องกันภาระหนี้ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

วิธีสร้างรายได้ จากการเขียน Blog

ทุกวันนี้สื่อเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการใช้ชีวิตของคนยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก ใครที่มีสื่ออยู่ในมือ ผู้นั้นมักมีอิทธิพลต่อความคิดและพฤติกรรมของผู้คน ซึ่งในอดีต การจะเป็นเจ้าของสื่อได้นั้น จำเป็นต้องมีเงินทุนมหาศาล แต่ในปัจจุบัน ผู้คนเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้มากขึ้น ทั้งมีราคาถูก ยืดหยุ่น และเข้าถึงง่าย แถมมีแพลตฟอร์มอำนวยความสะดวกมากมาย ทำให้เราสามารถเป็น ‘เจ้าของสื่อ’ ได้ไม่ยาก

Weblog หรือ Blog (บล็อก)เกิดขึ้นมานานแล้ว ในอดีต การที่จะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้นั้น ต้องว่าจ้างโปรแกรมเมอร์พัฒนาระบบขึ้นมา ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาก็ถือว่าไม่น้อยเลย แต่ในปัจจุบันมีแพลตฟอร์มให้เลือกใช้มากมาย ที่สำคัญ คือ ฟรี! และใช้งานไม่ยาก ผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านโปรแกรมมิ่งก็สามารถใช้งานได้

เราสามารถสร้างบล็อกเป็นของตัวเองได้อย่างไรบ้าง?

จุดเริ่มต้น ผู้เขียนเองก็เริ่มเขียนบทความโดยใช้เว็บบล็อกที่ให้บริการฟรีอย่าง blogger.com (บล็อกเกอร์.คอม) (เจ้าของเดียวกับ Google) ก่อนที่จะหันมาศึกษาเทคนิคการเขียนโปรแกรมอย่างจริงจัง และใช้เว็บบล็อกสำเร็จรูปอย่าง WordPress (เวิร์ดเพรส) ในภายหลัง

ควรทำบล็อกเกี่ยวกับอะไรดี?

บล็อกก็คือเว็บไซต์เว็บนึง ไม่มีข้อจำกัดที่ตายตัว เราสามารถเขียนบล็อกเกี่ยวกับอะไรก็ได้ เช่น บล็อกเกี่ยวกับการท่องเที่ยว สุขภาพและความงาม อัพเดทข่าวสาร หรือรีวิวสินค้าก็ได้ แล้วแต่เราถนัด ขอแค่เขียนออกมาให้น่าสนใจก็พอ

แล้วเราจะใช้บล็อกหารายได้ ได้อย่างไร?

ถ้าผู้อ่านรู้จักเว็บไซต์ Youtube.com (ยูทิวป์.คอม) อยู่ก่อนแล้ว ก็คงทำความเข้าใจได้ไม่ยาก เนื่องจาก Youtube ใช้หลักการเผยแพร่เนื้อหาโดยใช้วิดีโอ แต่ ‘บล็อก’ จะเผยแพร่เนื้อหาผ่านตัวหนังสือ เมื่อบล็อกของเรากลายเป็นที่รู้จัก ก็มีโอกาสที่แบรนด์จะว่าจ้างเราเขียนเนื้อหาเพื่อโปรโมทสินค้า หรือไม่เราก็อาจจะสร้างรายได้โดยการติด Google Adsense (กูเกิล แอดเซนส์) ภายในบล็อกของเราเองก็ได้

Google Adsense คืออะไร แล้วทำอย่างไรเราถึงจะมีรายได้

Adsense เป็นบริการของ Google ที่เปิดโอกาสให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถสร้างรายได้ โดยการนำโฆษณามาติดไว้ที่เว็บไซต์ ซึ่งจะแสดงโฆษณาที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเรา เมื่อมีการคลิกโฆษณาเกิดขึ้น Google ก็จะจ่ายผลตอบแทนให้ โดยโอนเข้าบัญชีธนาคารระหว่างวันที่ 22-25 ของทุกเดือน ในกรณีที่รายได้ของเดือนนั้นมากกว่า $100 ขึ้นไป แต่หากทำยอดไม่ถึง ก็จะถูกนำไปรวมกับรายได้ในเดือนถัดไป

วิธีสมัคร Google Adsense และเงื่อนไขที่ต้องรู้

สามารถสมัครได้ที่เว็บไซต์ https://www.google.com/adsense จากนั้นส่งเว็บไซต์ของเราไปให้ทาง Google ตรวจสอบคุณสมบัติ อาจใช้เวลาประมาณ 3-7 วัน อย่างไรก็ตาม ในเว็บไซต์ควรมีบทความที่มีคุณภาพอย่างน้อย 20 บทความ ถึงจะผ่านการตรวจสอบ แต่หากไม่ผ่าน จะมีอีเมลแจ้งสาเหตุมาให้เราทราบ ก่อนทำการแก้ไขแล้วส่งใบสมัครอีกครั้ง

เมื่อผ่านการตรวจสอบแล้ว บล็อกของเราก็พร้อมทำเงินได้ทันที สิ่งที่ต้องทำในขั้นต่อไป คือ เขียนเนื้อหาให้น่าสนใจ และมีประโยชน์ต่อผู้คน อย่าลืมว่าบทความที่เราเขียนจะยังคงอยู่ไปอีกนานจนกว่าเราจะปิดบล็อกทิ้งไป เพียงเท่านี้เราก็มีรายได้เข้าบัญชีในทุกเดือนแล้วล่ะ